Advertising Spyware คืออะไร?

Advertising Spyware
Advertising Spyware หรือเรียกกันว่า Adware คือโปรแกรมที่ค่อยสอดส่องพฤติกรรมในการใช้อินเทอร์เน็ตของคุณ ว่าชอบไปที่เว็บไซท์ประเภทไหน สนใจเนื้อหาประเภทไหน ช้อปปิ้งหรือสินค้าอะไรจากเว็บไซท์ใดเป็นประจำ แล้วรวบรวมข้อมูลแล้วส่งกลับไปยังเจ้าของ Spyware เพื่อใช้ประโยชน์ในการโฆษณาผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ยัง อาจจะทำเรื่องอื่นๆ อีกเช่น
1 แอบร่วมข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ ที่อยู่ อายุ เพศ อีเมล์แอดเดรส หรือแม้แต่ System Configuration ของเครื่องที่คุณใช้อยู่ ส่งกลับไปให้เจ้าของ Spyware เพื่อจะได้ส่งอีเมล์ขยะ (Junk Mail) ที่มีเนื้อหาโฆษณาตรงกับสิ่งที่คุณกำลังสนใจหรือที่คิดว่าเหมาะสมกับคุณมากให้อย่างสม่ำเสมอ
2 ดาวน์โหลดข้อมูลโฆษณาหรือ Spyware ตัวใหม่มาอัพเดทหรือติดตั้งเพิ่มเติมในเครื่อง เพื่อแสดงวินโดว์โฆษณาในแบบ”Popup” ให้ตรงกับที่คุณสนใจขึ้น
3 เปลี่ยน Start Page ในตัว Internet Explorer ทำให้คุณเปิดโปรแกรม Internet Explorer แล้วไปที่เว็บไซท์นั้นเป็นประจำ
4 เพิ่มทูลบาร์เข้าไปใน Internet Explorer หรือที่เดสก์ท็อปของ  Windows XP เอง
5 แอบไปสร้างชอร์ตคัทไว้ทีเดสก์ท็อปเพื่ออำนวยความสะดวกให้สามารถที่จะเข้าไปเว็บไซท์นั้นได้โดยง่าย ทำให้เจ้าของ Spyware ได้จำนวนคนเข้า(หรือจำนวนคลิก) ในการเข้าชมเว็บไซท์ของตนสูงขึ้น ซึ่งจะได้รับเงินตอบแทนจากบริษัทผู้ว่าจ้างในการทำโฆษณาผ่านอินเทอร์เน็ต
<<<ขอขอบคุณ คนที่นั่งอ่านจนจบ>>>
By…Ko-Computer




Spyware คืออะไร? กูรูมีคำตอบ

Spyware  คืออะไร?
Spyware คือโปรแกรมที่แอบแฝงอยู่ในเครื่องของคุณเพื่อทำหน้าที่โจรกรรมความลับหรือข้อมูลในเครื่องแล้วส้งกลับไปให้เจ้าของหรือผู้สร้าง Spyware โดยอาศัยช่องทางผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงโฆษณาหรือเพื่อใช้สร้างความเสียหายให้กับผู้ตกเป็นเหยื่อได้ อย่างไรก็ตาม Spyware บางตัวจะไม่ได้มุ่งโจรกรรมข้อมูลในเครื่องของคุณ แต่ก็สามารถก่อกวนให้คุณเกิดความรำคาญในขณะใช้งาน เช่นจะแสดงวินโดว์ที่มีเนื้อหาโฆษณา (Popup) ขึ้นมาเองเป็นระยะๆ หรือแอบไปติดตั้ง Shortcut ไว้ที่เดสก์ท็อปและหากคุณคลิกที่ Shortcut นี้แล้วจะกลายเป็นเปิดโปรแกรม IE มาพร้อมกับเข้าไปที่เว็บไซท์ของเจ้าของ Spyware นั้นๆยิ่งไปกว่านั้นที่ตัว IE ยังอาจจะถูกปรับเปลี่ยนคุณสมบัติบ้างอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกให้คุณสามมารถที่จะเข้าไปที่เว็บไซท์ดังกล่าวได้อีกเช่น อาจมีการติดตั้งทูลบาร์เพิ่มเข้าไปในตัว IE หรือมีการเพิ่มชื่อในเว็บไซท์เข้าไปใน Favorite ของตัว IE หรือไม่ก๊จะไปเปลี่ยน Start Page ของตัว IE ให้เป็นเว็บไซท์นั้นๆ เป็นต้น หรือบางครั้งก็มีผลข้างเคียงที่ทำให้เครื่องของคุณเกิดอาการประหลาดๆ เช่น กรอกภาษาไทยในช่องของแบบฟอร์มในหน้าเว็บเพจไม่ได้ หรือมีการเติมสัญลักษณ์แปลกๆให้กับชื่อเว็บที่คุณกรองในช่อง Address ของบราวเซอร์ (IE) เป็นต้น
Spyware โดยทั่วไป สามารถแบ่งได้ 2 ประเภท หลักๆ ตามเป้าหมายหรือภารกิจของมัน คือ
 Advertising Spyware และ Surveillance Spyware
<<<ขอขอบคุณ คนที่นั่งอ่านจนจบ>>>
By…Ko-Computer


ไวรัสคืออะไร? กูรูมีคำตอบ

ไวรัสคืออะไร?
ไวรัสคอมพิวเตอร์เป็นโปรแกรมประเภทหนึ่ง โดยระยะหลังๆมานี้พวกเรามักจะเรียกพวกไวรัสนั้นว่า Badware หรือ Malware ซึ่งหมายถึงโปรแกรมที่มีวัตถุประสงค์ไม่ดีนั้นเอง  เมื่อไวรัสนั้นเข้าสู่คอมพิวเตอร์ของเราแล้ว อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ฮาร์ดดิสก์ของเราได้ และอาจรบกวนการทำงานของระบบปฏิบัติการ โดยทั่วไปไวรัสนั้นสามารถทำสำเนาตัวเองได้ นั้นหมายความว่า ไวรัสจะเพิ่มปริมาณตัวเองได้ในเครื่องของเรานั้น เอง(อาจทำให้เครื่องเราช้าหรือผิดปกติได้นั้นเอง) นอกจากนี้ไฟล์ไวรัสนั้น เมื่อมีการเรียกใช้ หรือทำสำเนาไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นนั้น ก็จะติดไวรัสที่เราเป็นอยู่ไปด้วยเช่นกัน
เราสามารถติดไวรัสได้หลายทาง เช่น จากการใช้ซอฟแวร์ทั่วไป และสำหรับคนที่เล่นอินเทอร์เน็ตนั้น อาจจะเกิดจากการดาวโหลดไฟล์ผ่านเว็บหรือโหลดไฟล์ที่แนบมากับ E-MAIL โดยไวรัสสามารถแฝงตัวและเข้าแทนที่โปรแกรมที่เรามีอยู่ได้ ดังนั้น เมื่อเรารันโปรแกรมก็จะเป็นการรันไวรัสไปด้วย เช่นกัน
ไวรัสแต่ละตัวก็จะมีการทำงานแตกต่างกัน ซึ่งมีตั้งแต่ไม่ทำอันตรายใดๆ ไปจนถึงร้ายแรง เช่นเด้งป๊อปอัพเป็นประจำก่อให้เกิดความรำคาญบนหน้าจอ ลดหน่วยความจำ แก้ไขข้อมูล บันทึกทับไฟล์ หรือทำให้ไฟล์เสียหาย เป็นต้น
ไวรัสบนมือถือ
นอกจากไวรัสที่พบในคอมพิวเตอร์แล้ว ตอนนี้พวกเคร็คเกอร์ทั้งหลายเริ่มพัฒนาโปรแกรมไวรัสเพื่อโจมตีโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนแล้วด้วย โดยมีดาราฮอลลีวูดหลายคนที่นิยมใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งโทรศัพท์ประเภทนี้ จะมีความแตกต่างจากโทรศัพท์มือถือทั่วไปตรงที่จะมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์อยู่ด้วยนั้นเอง และทำให้พวกเคร็คเกอร์ พบเห็นช่องโห่ว  แล้วทำการเจาะเข้าไปดึงเอาข้อมูลที่อยู่ในนั้นออกมาได้ เช่น เบอร์โทรศัพท์
ทั้งนี้ยังพบว่ามีการแพร่ไวรัสผ่าน MMS (Multimedia Messaging Service) แต่มันก็จะพบแค่ในโทรศัพท์บางรุ่นเท่านั้น โดยที่เว็บ www.symantec.com มีบริการโปรแกรมป้องกันไวรัสสำหรับมือถือด้วยนะครับ ใครที่สนใจก็ลองเข้าไปดูรายละเอียดได้เลยครับ ^^ <<<ขอขอบคุณ คนที่นั่งอ่านจนจบ>>>
By…Ko-Computer

ภาษาCคือ? กูรูมีคำตอบ


      ภาษา C คือ?
(ซี) n. พยัญชนะอังกฤษตัวที่3,ตัวเลข100ของโรมัน,สัญลักษณ์ทางเคมีของธาตุคาร์บอน ภาษาซีเป็นภาษาระดับสูง (high level language) ภาษาหนึ่ง ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม ภาษานี้เริ่มต้นมาจากห้องปฏิบัติการของบริษัท Bell ในช่วงทศวรรษ 1970 ภาษาซีนี้ เป็นภาษาที่ใช้ทั่วไปเทียบเคียงได้กับภาษาเบสิก (BASIC) หรือภาษาปาสกาล (Pascal) ความที่ภาษาซีเป็นภาษาที่ใช้ง่ายและสะดวก โปรแกรมสำเร็จรูปที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างดี เช่น Lotus 1-2-3 และ Microsoft FoxPro ก็เขียนด้วยภาษาซี ภาษาซีได้เปรียบภาษาอื่น ๆ อย่างน้อย 3 ประการด้วยกัน คือ
1. ภาษาซีง่ายในการเขียน และเรียนรู้ได้ง่ายเกือบจะเท่ากับภาษาเบสิก
2. โปรแกรมภาษาซีใช้เวลาของเครื่อง (คอมพิวเตอร์) น้อยมาก พอ ๆ กับภาษาแอสเซมบลี (Assembly) แต่เขียนได้ง่ายกว่ากันมาก
3. ภาษาซีใช้ได้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นแมคอินทอชหรือไอบีเอ็ม (แทบจะไม่ต้องแก้ไขดัดแปลงอะไรเลย ผิดกับภาษาเบสิกและภาษาปาสกาล ซึ่งหากนำไปใช้กับเครื่องต่างตระกูลกันแล้ว จะต้องแก้ไขมากจนเรียกได้ว่าไม่คุ้ม

C,C++และ C# ต่างกันยังไง? กูรูมีคำตอบ

C, C++ และ C# ต่างกันยังไง ?
ทุกคนที่หัดเขียนโปรแกรมใหม่ๆ อาจจะสับสน สงสัยว่า C C++ C#  เนี่ย คืออะไรแล้วมันต่างกันตรงไหน? มันไม่เหมือนกันเหรอ ? คำตอบคือไม่เหมือนครับ เพียงแต่มีส่วนเกี่ยวกันคือ C++ คือภาษาที่ถูกพัฒนาต่อมาจากภาษา C อีกทีหนึ่ง ภาษา C# ก็เช่นกัน แต่ละอันก็มีจุดเด่น จุดด้อย เอกลักษณ์ของตน แล้วแต่ว่าโปรแกรมที่เขียนนั้นจะมีจุดมุ่งหมายอย่างไร ถ้าอธิบายอย่างง่ายๆสั้นๆ ก็คือ
ในแรกเริ่มนั้นมีภาษา C เกิดขึ้นมาก่อน ต่อมาเมื่อการเขียนโปรแกรมแบบ OOP (Object-Oriented Programming) พัฒนา และเริ่มเป็นที่นิยมขึ้นมา จึงเกิดภาษา C++ ขึ้นมาเพื่อใช้กับแนวคิดการเขียนโปรแกรมแบบ OOP เนื่องจาก C++ นั้นเกิดขึ้นมาจาก C ดังนั้นจึงทำให้ การเขียนโปรแกรมเป็นC++ ก็สามารถเขียนโปรแกรมแบบ C ได้ในขณะเดียวกัน ผมแนะนำว่าเริ่มต้นศึกษา C ไปให้พอเข้าใจหลักการเขียนโปรแกรมเบื้องต้นก่อน แล้วค่อยไปศึกษา C++ ต่อก็ดีครับ เพราะคำสั่งพื้นฐาน เช่น พวก if-else while ยังไงก็ใช้หลักการคิดคล้ายๆกันทุกภาษา
*C++
และ C# เป็นภาษาแบบ OOP ทั้งคู่
ส่วนภาษา C# นั้น เกิดขึ้นมาทีหลัง ในช่วงที่ Java เริ่มได้รับความนิยม จุดเด่นของ C# คือ การที่มันสามารถนำไปคอมไพล์ใช้ในอุปกรณ์ได้หลากหลายระบบปฏิบัติการ เช่น มือถือ ไม่ต้องเขียนโปรแกรมขึ้นมาใหม่อีกรอบ โดย C# นั้นถูกคิดขึ้นมาโดย Microsoft เพื่อเอามาแข่งกับ Javaทั้งนี้แต่ละอันก็มีข้อดี จุดเด่นแตกต่างกันไป เช่น ไม่ใช่ว่า C++ จะดีกว่า C ไปเสียทุกอย่างแม้จะถูกพัฒนาขึ้นมาจาก C ก็ตาม อย่างเช่น C นั้นสามารถจัดการแก้ไขโปรแกรมได้ง่ายกว่า และ สามารถทำงานได้ไวกว่า C++ เนื่องมาจากโครงสร้างของไวยากรณ์ มีความซับซ้อนน้อยกว่า เป็นต้น
การเลือกใช้นั้นก็ตามแต่ว่างานที่ต้องการเขียนโปรแกรมนั้น มีจุดมุ่งหมายอะไร
หลักๆนิยมในการใช้ก็เช่น
C : การเขียนไดรเวอร์ฮาร์ดแวร์, โปรแกรมที่ต้องการความเสถียรสูง, การเขียนโปรแกรมระดับ Kernel, ควบคุม Micro ControllerC++ : โปรแกรมใหญ่ๆที่ต้องจัดการข้อมูลขนาดใหญ่, โปรแกรมที่ต้องการความเร็วสูง
C# : การสร้างเกม, เขียนโปรแกรมจัดการ Server/Client, โปรแกรมที่ต้องการความสวยงามในด้านการใช้งาน, พัฒนา script บนเว็บไซต์
 
*
ข้างต้นนั้นคือ งานที่นิยมใช้เท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถใช้ C/C++ เขียนเกมได้เลย เพียงแต่ C# ได้รับความนิยมกว่าเท่านั้น Game Engine หลายตัวก็พัฒนาจาก C++ เพราะสามารถทำงานได้ไวกว่า แต่ในเวลาพัฒนาระบบเกมบางส่วนก็มีการใช้ C# ผสมเข้าไปเพื่อความสะดวก เหมาะสม ดังนั้นผมคิดว่าควรเป็นทั้งหมดแหละครับ แล้วเลือกใช้ให้ถูกได้ตามสถานการณ์
หากมีข้อสงสัย แนะนำ หรือต้องการเพิ่มเติมอะไรก็โพสต์ได้นะครับ ยิ่งความเห็นในด้านการนำไปใช้งานนี่ไม่ตรงกันอยู่แล้วครับ เพราะสามารถประยุกต์ใช้ได้หมด ตามความสามารถ แนวคิด และ จินตนาการ ขอบคุณที่นั่งอ่านจนจบครับ